Last updated: 23 พ.ค. 2567 | 173058 จำนวนผู้เข้าชม |
มีผู้สอบถามเข้ามาจำนวนมาก ผู้ค้ำประกันหลายท่านเป็นทุกข์และกังวล ร้อนใจนอนไม่หลับ
มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5789/2562
สัญญาค้ำประกันทำขึ้นก่อนวันที่ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 ใช้บังคับ โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ได้บัญญัติการใช้บังคับมาตรา 681/1 ไว้เป็นอย่างอื่น
ข้อสัญญาตามสัญญาค้ำประกันที่กำหนดให้จำเลยที่ 2 และที่ 3
ผู้ค้ำประกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมจึงใช้บังคับได้ ส่วนมาตรา 686 ที่แก้ไขใหม่ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557
บัญญัติให้เจ้าหนี้ต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันก่อนใช้สิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้
และหากเจ้าหนี้มิได้มีหนังสือบอกกล่าวภายใน 60 วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน
ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้บรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น มาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้มาตรา 686
ใช้บังคับนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558
โจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวลงวันที่ 28 มกราคม 2558 ไปยังจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการบอกกล่าวก่อนวันที่จำเลยที่ 1 ผิดนัด ส่วนหนังสือบอกกล่าวลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2559
แต่หน้าที่ในการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์กรณีที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันนั้นเป็นหนี้ประธาน หาใช่ดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน หรือค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้ ตามมาตรา 686 วรรคสอง แต่อย่างใดไม่ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมจึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแทนแก่โจทก์ด้วย
เป็นการบอกกล่าวเกินกำหนด 60 วัน จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงหลุดพ้นความรับผิดเฉพาะแต่ดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้บรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนดดังกล่าว
มีข้อสังเกตุ
- แต่ถ้าหากว่าลูกหนี้ผิดนัด โจทก์ไม่มีหนังสือบอกกล่าวมาถึงจำเลย กรณีอย่างนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
- หากลูกหนี้ยังไม่ผิดนัดนำรถไปคืนโจทก์รับไว้ เป็นเลิกอย่างถูกต้อง ลูกหนี้ไม่ต้องลงชื่อเพื่อรับผิดกรณีส่วนต่าง
- หากลูกหนี้ผิดนัด ๒ งวด แล้วจำเลยนำรถไปคืนเจ้าของรับรถไว้โดยไม่โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าเลิกสัญญากันโดยปริยาย จำเลยไม่ต้องรับผิดส่วนต่าง
ข้อแนะนำสำหรับทุกท่านนะครับ
หากคำประกันการเช่าซื้อรถยนต์ จำเลยและผู้ค้ำอาจไม่ต้องรับผิดตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง
1. ค่าขาดราคา กล่าวคือเมื่อเจ้าของยึดรถแล้วนำไปขายยังขาดราคาอยู่ เงินส่วนนี้โจทก์มักบรรยายว่าเงินค่าเช่าซื้อที่ยังขาดอยู่ แต่ศาลวางหลักว่าเป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งและกำหนดไว้ล่างหน้า จึงเป็นเบี้ยปรับศาลจะลดตามที่เห็นสมควร
2. ค่าขาดประโยชน์ กล่าวคือการใชรถระหว่าที่ผิดนัดจนถึงยึดรถได้แล้ว เป็นเวลากี่เดือน ส่วนพิจารณาจากอัตราค่าเช่าในท้องตลาดหากพิสูจน์ไม่ได้ ศาลท่านจะกำหนดให้ตามความเหมาะสม
ขอเรียนว่ากฎหมายมีเงื่อนแง่ ที่จะต้องพิจารณาหลายแง่มุม นอกจากตัวบทกฎหมายแล้ว ยังมีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาวางแนวทางการต่อสู้ไว้ ดังนั้น หากมีข้อขัดข้องใจควรปรึกษาทนายความ เพื่อหาแนวทางการต่อสู่ที่เหมาะสมกับรูปคดี จะเป็นผลดีต่อท่านมากกว่าที่ท่านจะดำเนินการด้วยตนเอง
สำนักงานกฏหมายตรินัยน์การทนายความ
ตรินัยน์ โชติเศรษฐ์ภาคิน (นบ., นบท.) 063-5955444
22 พ.ค. 2567
23 พ.ค. 2567
7 มิ.ย. 2567